วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

แหล่งการเรียนรู้ใกล้บ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์

การแบ่งประเภทของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์  โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทบุคคล
ตัวอย่างที่ 1
ตัวอย่างที่ 2


ประเภทที่ 2 แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทวัตถุและอาคารสถานที่

ตัวอย่างที่ 1

ตัวอย่างที่ 2
ประเภทที่ 3 แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภททรัพยากรธรรมชาติ
ตัวอย่างที่ 1

ตัวอย่างที่ 2
ประเภทที่ 4 แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทสื่อ
ตัวอย่างที่ 1

ตัวอย่างที่ 2

องค์ความรู้ที่ได้เหมาะสมกับกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศาสนา และวัฒนธรรม
องค์ความรู้ที่ได้จากแหล่งการเรียนรู้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คือ ได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ที่มีประเพณีสืบทอดต่อกันมา โดยการจัดงานสงกรานต์ในแต่ละพื้นที่จะมีรูปแบบการจัดงานแตกต่างกันไป ทำให้สามารถได้เรียนรู้ประเพณีต่างๆได้หลากหลายทั้งที่เคยเห็นมาก่อนและไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งประเพณีและกิจกรรมในวันสงกรานต์มีกิจกรรมมากมาย ดังเช่น ทำบุญตักบาตร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ชีวิต ปล่อยนกปล่อยปลา คนไทยมีความเชื่อว่าการปล่อยนกปล่อยปลา ถือว่าเป็นการอโหสิกรรมและชำระบาปในส่วนที่ตนเป็นผู้ก่อ อีกทั้งทำให้เคราะห์ร้ายที่จะเกิดขึ้นหมดไป  สรงน้ำพระพุทธรูป และสรงน้ำพระภิกษุสามเณร การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ได้แก่ บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ และบุคคลที่มีพระคุณ การรดน้ำผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์ ด้วยต้อง การขอขมาสิ่งที่อาจจะล่วงเกินผู้ใหญ่ ในบางครั้ง รวมถึงเป็นการขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล และข้อคิดเตือนใจแก่ตนเอง อีกทั้งเพื่อเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณอีกด้วย การรดน้ำ ถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ซึ่งแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีของบุตรหลานที่มีต่อบุพการีหรือญาติผู้ใหญ่ อีกทั้งเป็นการขอพรจากบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ เพื่อเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่ และการละเล่นสาดน้ำ ประเพณีนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวันสงกรานต์เลยทีเดียว ด้วยงานฉลองวันสงกรานต์นั้นเป็นช่วง ฤดูร้อน ประเพณีเริ่มจากการที่มีการสรงน้ำพระ และรดน้ำญาติผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้ำนั้นนิยมกันในหมู่ของหนุ่มสาว น้ำที่ใช้สาดกันนั้นจะใส่น้ำอบ น้ำหอม แต่ในปัจจุบันประเพณีอันดีงามอันนี้ได้จางหายไปตามกาลเวลาและยุคสมัย   สิ่งที่ได้จากเทศกาลสงกรานต์ เป็นการแสดงความเคารพบูชาต่อสิ่งที่ตนเคารพ ต่อบิดามารดา และผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ   การชำระจิตใจ และร่างกายให้สะอาด   การรักษาประเพณีมาแต่เดิม  การสนุกสนานรื่นเริงในรอบปี และพักจากงานประจำชั่วคราว เพื่อจะไปพักผ่อนหย่อนใจ   การเตือนสติว่ามนุษย์นั้นผ่านไป 1 ปีแล้วและในรอบปีที่ผ่านมา เราได้ทำอะไรบ้างและควรจะทำอะไรต่อไปในปีที่กำลังจะมาถึง  เป็นการเตรียมตัวบวช ถ้าเป็นผู้ชายโดยเอาระยะเวลานี้บวชกัน เพราะหลังสงกรานต์ต้องเตรียมตัวทำนาแล้ว  และเป็นการทำความสะอาดพระ โต๊ะบูชา บ้านเรือน ทั้งในและนอกบ้าน
ประโยชน์ที่ได้จากการได้ไปเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
1. ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสใช้ความสามารถของตนเองในการเรียนรู้อย่างเต็มที่
2. ผู้เรียนมีโอกาสตัดสินใจในการเลือกเรียนตามช่องทางที่เหมาะกับความสามารถของตนเอง
3. ทำให้กระบวนการเรียนรู้ง่ายขึ้น
4. ผู้เรียนมีอิสระในการเลือก
5. ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ในทุกเวลา ทุกสถานที่
6. ทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7. ลดเวลาในการเรียนรู้และผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้มากกว่าเดิมในเวลาเท่ากัน
8. ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทั้งในแนวกว้างและแนวลึก
9. ช่วยให้ผู้เรียนรู้จักเสาะหาแหล่งการเรียนรู้
10. ฝึกให้ผู้เรียน คิดเป็นและสามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้
 แหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ คือ วัดและสถานที่จัดงานประเพณีสงกรานต์ เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ช่วงเทศกาลสงกรานต์
เทศกาลสงกรานต์เป็นแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทสื่อ เหมาะสมกับการเรียนรู้ช่วงเทศกาลสงกรานต์เพราะเป็นแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับสื่อต่างๆ เช่น สื่อทางด้านกายภาพ  สื่อทางด้านวิธีการ  สื่อท้องถิ่น สื่อกิจกรรม และสื่อประเภทอื่นๆ ที่เป็นแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่สามารถถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น  สื่อท้องถิ่น ประเภทเพลง เช่น หมอลำ รำวงย้อนยุค ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานให้กับชาวบ้านทุกวัยและเป็นกิจกรรมที่สร้างความรัก ความสามัคคี ให้กับคนในหมู่บ้านได้เป็นอย่างดี  และยังมีการใช้สื่อประเภทกิจกรรม ซึ่งเป็นกิจกรรมพื้นบ้านที่ชาวบ้านนิยม สืบทอดกันมา เช่น กาละเล่นต่างๆ  การก่อพระทราย และอื่นๆ อีกมากมาย  ดังนั้นประเพณีสงกรานต์จึงเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีและยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีให้สืบต่อไป


วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

แหล่งการเรียนรู้ประเภทบุคคล

แหล่งการเรียนรู้ประเภทบุคคล   หมายถึง  บ่อเกิดหรือศูนย์รวมของวิชาความรู้ที่เป็นบุคคลที่อยู่ในชุมชน คือ  บุคคลที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ที่ตนเองมีอยู่ให้ผู้สนใจหรือผู้ต้องการเรียนรู้ในชุมชนได้  เช่น บุคคลที่มีทักษะความสามารถในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคลมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเพราะวิทยาการต่าง ๆที่เกิดขึ้นในอดีตและเกิดขึ้นใหม่และที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคตย่อมมาจากบุคคลทั้งสิ้นอาจจำแนกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้                
       1.1  แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นทางการ               
       1.2 แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคลที่เป็นไปตามสภาพและบทบาทในสังคม               
       1.3 แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคลที่เป็นไปโดยสายงานในการประกอบอาชีพต่าง ๆ               
       1.4 แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคลที่เป็นความสามารถเฉพาะตัว เช่น ศิลปิน ช่างฝีมือ ผู้รู้ ผู้ปฏิบัติต่าง ๆ                
       1.5 แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคลที่ถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น
ตัวอย่าง คลิปที่ 1 คุณครูชาวนาปราชญ์เดินดิน เดชา ศิริภัทร

 ปัจจุบันคุณครูเดชา ศิริภัทร เป็นผู้อำนวยการมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี เขายังคงแนะนำชาวนาทำข้าวโดยเลี่ยงการใช้ปุ๋ย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าข้าว โดย"ทำ"เพื่อ"สอน"
เขาเลือกที่จะเป็นเกษตรกรด้วยเหตุผลที่ชัดเจน
      "เกษตรกรไม่ต้องพึ่งใคร ไม่ต้องสนเลยว่า เศรษฐกิจจะเป็นยังไง จะรบกันที่ไหน เงินเฟ้อ เงินฟุบ เพราะคุณพึ่งตัวเองได้ มีที่อยู่อาศัย มียารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ทำได้หมด
      ประการต่อมา อาหารเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ ยังไงก็มีคนกิน ไม่มีทางล้นตลาด ยิ่งในอนาคต อาหารที่ดีมีคุณภาพและปลอดสารพิษ คนรวยยิ่งแย่งกัน ฉะนั้น ไม่ต้องกลัวเลย เกษตรกรที่ทำเพื่ออยู่เพื่อกิน เรากินของดี ถ้าเหลือก็เอาของดีแบ่งขาย.."

ตัวอย่าง คลิปที่ 2 สูตรตบนมของ กุ้ง” “เขมมิกา ณ สงขลาหนึ่งเดียวในไทยและหนึ่งเดียวในโลก

                ความสวย ความงาม เป็นสิ่งที่อยู่กับผู้หญิงมาทุกยุคทุกสมัย ในอดีตไม่มีเครื่องหมายเครื่องมือ หรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างการทำศัลยกรรมเสริมความงามอย่างในปัจจุบัน ดังนั้น ภูมิปัญญาไทยในอดีตใช้การนวด การบริหารร่างกาย ช่วยกระชับ ทรวงทรง องค์เอว ให้ได้รูปดูสวยงาม เฉกเช่น การนวดเสริมทรวงอก หรือการนวดกระชับใบหน้าให้หน้าได้รูปทรง  จนเป็นที่มาของอาชีพ ตบนม เสริมทรวงอก หรือ ตบหน้ากระชับ ให้แอ๊บแบ๊วสวยใส และเจ้าของสูตรตบนม ตบหน้า ที่ฮือกระฉ่อน และดังไปไกลถึงต่างแดน ของต้องยกให้กับ สูตรตบนมของ กุ้ง” “เขมมิกา ณ สงขลาหนึ่งเดียวในไทยและหนึ่งเดียวในโลก ที่สามารถการันตีสาวใดที่ผ่านมือตบ ของคุณกุ้ง รับประกันได้นมโตขึ้นอย่างแน่นอน
                เขมมิกา เล่าว่า ที่มาของอาชีพตบนม ตบหน้า นั้นมาจาก คุณยายได้ถ่ายทอดให้ เกิดขึ้นมาจากในตอนช่วงวัยรุ่น เป็นคนหน้าอกเล็ก และเป็นอกไก่ หาวิธีว่าจะทำอย่างไร ที่จะทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้น และมีร่องอกเหมือนกับสาววัยเดียวกัน ยายได้ถ่ายทอด โดยการสอนการบริหารเต้านมแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม ด้วยการนวดเต้านมทุกวัน และด้วยความที่ตนเองเป็นคนใจร้อนทำช้าเห็นผลช้า ก็เลยนวดและตบแรงและเร็ว ปรากฏว่า ได้ผลดี นมใหญ่ขึ้น และมีร่องอก ใช้เวลากว่า 1 เดือนเห็นผลชัดเจน